ญี่ปุ่นใช้มาก แต่ปลอดภัย

 

ญี่ปุ่นใช้มาก แต่ปลอดภัย

 

“ยกเครื่องเรื่องสารกำจัดศัตรูพืช”

สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร

หน้า 95-97

 

ความเชื่อ (Myth) : ประเทศไทยใช้สารกำจัดศัตรูพืชมาก เผลอๆ บางคนนึกว่าใช้มากที่สุดในโลกด้วยซ้ำ

ความจริง (Truth) : ประเทศไทยใช้สารกำจัดศัตรูพืชน้อย และน้อยมาก เมื่อเทียบกับหลายประเทศ ข้อมูลการใช้สารกำจัดศัตรูพืชของโลกพบว่า สหรัฐฯ ใช้มากที่สุด จีนจากอันดับ 6 ขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 และญี่ปุ่นเคยเป็นอันดับ 2 รั้งมาอยู่อันดับ 3 ของโลก

ในช่วง 9 เดือนของปี 2554/2555 (ตุลาคม 2554-มิถุนายน 2555) ญี่ปุ่นมีปริมาณการใช้สารกำจัดศัตรูพืช 137,313 ตัน มากกว่าไทยที่ใช้อยู่ที่ 70,000 ตัน/ปี กว่า 1 เท่าตัว ทั้งที่พื้นที่การเกษตรไทยใหญ่กว่าญี่ปุ่นประมาณ 2 เท่า

ในจำนวนนี้ แบ่งเป็น สารกำจัดวัชพืช 51,305 ตัน เพิ่มขึ้น 4.4% สารกำจัดแมลง 55,874 ตัน เพิ่มขึ้น 3.7% และสารกำจัดโรค 30,134 ตัน เพิ่มขึ้น 10% สะท้อนว่า อัตราเติบโตยังคงเพิ่มขึ้น

นาข้าวญี่ปุ่นอย่างเดียว ใช้สารฯ มากถึง 59,708 ตัน เกือบครึ่งของการใช้สารฯ ทั้งหมด ทั้งที่มีพื้นที่นา 18 ล้านไร่ เทียบกับ 62 ล้านไร่ของไทย ส่วน แปลงปลูกผัก ใช้มากที่สุด 62,469 ตัน และ สวนผลไม้ 17,494 ตัน

มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ชวนให้แสวงหาคำตอบว่า

ทำไม   รัฐบาลญี่ปุ่นไม่เห็นพิษภัยของสารกำจัดศัตรูพืชหรือ?

ทำไม   คนญี่ปุ่นไม่กลัวตายจากสารกำจัดศัตรูพืชหรือ?

ทำไม   การเกษตรญี่ปุ่นจึงเพียงพอกับประชากรกว่า 2 เท่าของไทย ทั้งที่พื้นที่น้อยกว่ามาก?

ทำไม   ญี่ปุ่นถึงจัดเป็นประเทศที่คนมีสุขอนามัยดีชาติหนึ่งของโลก?

ทำไม   ญี่ปุ่นมีภูมิทัศน์ สวยงาม สะอาด ทั้งที่ใช้สารกำจัดศัตรูพืชมากมาย?

ประการแรก ประเทศญี่ปุ่นไม่มีทัศนคติด้านลบต่อสารกำจัดศัตรูพืช ตรงข้ามเห็นว่าเป็นปัจจัยการผลิตอย่างหนึ่ง ต่างจากประเทศไทยที่แสดงท่าทีรังเกียจและกำหนดยุทธศาสตร์ระดับชาติถึงขั้นเลิกใช้ และจูงใจให้เกษตรกรหันไปใช้สารอินทรีย์ หรือชีวภาพแทน ทั้งที่น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งมากกว่า

ประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหลายก็เหมือนญี่ปุ่น กำหนดมาตรฐานสารเคมีกำจัดศัตรูพืชแล้วก็ยังกำหนดมาตรฐานสารอินทรีย์ชีวภาพเช่นกัน เพื่อให้เป็นทางเลือกที่สมบูรณ์ และไม่หลงประเด็นความปลอดภัย

ประการที่สอง ความเข้มแข็งของภาครัฐที่ใส่ใจกับการตรวจสอบ ควบคุมการใช้อย่างจริงจัง เป็นแบบอย่างให้เกษตรกรเชื่อมั่นรัฐ และมีวินัยในการใช้โดยไม่บิดพลิ้ว หลีกเลี่ยง

ประเทศพัฒนาแล้ว มีข้อกำหนดเคร่งครัดในการตรวจสอบควบคุม ตั้งแต่ต้นน้ำ ได้แก่ ผู้ประกอบการ กลางน้ำ ได้แก่ ร้านค้าปลีก และปลายน้ำ ได้แก่ เกษตรกร อย่างเสมอหน้า ช่วยให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ และความปลอดภัยในอาหารอย่างแท้จริง

ประเทศไทย ยังกระท่อนกระแท่นบังคับใช้กฎหมายเสมอภาคในทุกระดับชั้น ความปลอดภัยทั้งปวงจึงเป็นเรื่องกังวลได้ไม่รู้จักจบสิ้น

ประการที่สาม นักวิชาการเกษตรของรัฐญี่ปุ่นและเอกชนทำงานควบคู่กัน ภายใต้ฐานความรู้เดียวกัน ข้อนี้ดูจะแตกต่างอย่างมากสำหรับไทย และนับวันยิ่งน่าห่วง เพราะนักวิชาการเกษตรที่เชี่ยวชาญร่อยหรอแทบหมด การควบคุมภายใต้นักบริหารที่ไม่มีวิชาการกำกับ จึงห่างไกลเป้าหมายความสำเร็จยิ่งนัก

ญี่ปุ่นผลิตสินค้าเกษตรชนิดใดก็เป็นที่มั่นใจ ไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นและต่างชาติเสมอว่า ปลอดภัย ทั้งที่ใช้สารกำจัดศัตรูพืชมากอันดับ 3 ของโลกแท้ๆ

เป็นความพิสดารยิ่ง เมื่อเทียบกับประเทศไทยที่ชอบอวดอ้างว่า เกษตรกรเป็นกระดูกสันหลังของชาติ และไทยเป็นครัวของโลก

 

……………………………………………………………………………